ข้อบังคับ
สมาคมรังสีวิทยาหลอดเลือดและรังสีร่วมรักษาไทย

หมวด 1
บททั่วไป

ข้อ 1 . ข้อบังคับนี้เรียกว่า “สมาคมรังสีวิทยาหลอดเลือดและรังสีร่วมรักษาไทย พ.ศ. 2560 ”
ข้อ 2.  ให้ใช้ข้อบังคับนี้ตั้งแต่วันที่นายทะเบียนได้รับจดทะเบียนเป็นต้นไป
ข้อ 3.  ให้ยกเลิกธรรมนูญของสมาคมรังสีวิทยาหลอดเลือดและรังสีร่วมรักษาไทยฉบับเดิม และใช้ข้อบังคับนี้แทน
ข้อ 4.  เว้นแต่ในข้อบังคับนี้จะระบุความหมายไว้เป็นอย่างอื่น
“สมาคม” หมายความถึง สมาคมรังสีวิทยาหลอดเลือดและรังสีร่วมรักษาไทย
“สมาชิก” หมายความถึง สมาชิกสมาคมรังสีวิทยาหลอดเลือดและรังสีร่วมรักษาไทยทุกประเภท
“การฝึกอบรม” หมายความว่า การอบรม การประชุมทางวิชาการหรือเชิงปฏิบัติการ การสัมมนาทางวิชาการหรือเชิงปฏิบัติการ การบรรยายพิเศษ การฝึกศึกษา การดูงาน การฝึกงาน หรือที่เรียกชื่ออย่างอื่นทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยมีโครงการหรือหลักสูตรและช่วงเวลาจัดที่แน่นอน
ที่มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาบุคคลหรือเพิ่มประสิทธิภาพในการปฏิบัติงาน โดยไม่มีการรับปริญญา หรือประกาศนียบัตรวิชาชีพ
“คณะกรรมการ” หมายความถึง คณะกรรมการอำนวยการสมาคม

หมวด 2
ชื่อ เครื่องหมายและสถานที่ตั้งสมาคม

ข้อ 5.  สมาคมนี้ชื่อว่า : สมาคมรังสีวิทยาหลอดเลือดและรังสีร่วมรักษาไทย เรียกโดยย่อว่า : ส.ร.ร.ท. เรียกเป็นภาษาอังกฤษว่า The Thai Society of Vascular and Interventional Radiology มีอักษรย่อว่าTSVIR
ข้อ 6.  เครื่องหมายของสมาคมมีลักษณะเป็นรูป งูพันรอบหลอดเอกซเรย์ในลักษณะตั้งฉาก มีเข็มเจาะหลอดเลือดในการทำ angiogram, ลวดนำ และบัลลูนขยายหลอดเลือดพาดทแยงประมาณ 15 องศา
อยู่ด้านหลังงูและหลอดเอกซเรย์ มีขอบวงกลมล้อมรอบ 2 ชั้น และระหว่างขอบวงกลมสองชั้นมีตัวหนังสือชื่อสมาคมเป็นภาษาไทยอยู่ด้านบน ส่วนด้านล่างเป็นชื่อสมาคมเป็นภาษาอังกฤษ ช่องว่างชื่อสมาคมทั้งสองภาษาจะเป็นปี พ.ศ. ( ซ้ายมือ) และปี ค.ศ. (ขวามือ)ที่ก่อตั้งสมาคม มีความหมายว่า : เป็นสมาคมทางวิชาการแพทย์ที่เกี่ยวข้องกับการรักษาและการตรวจวินิจฉัยโรค (รูปงู) โดยอาศัยวิธีการของรังสีวินิจฉัย (รูปหลอดเอกซเรย์) ช่วยตรวจนำทางในการผ่านเครื่องมือสำหรับการวินิจฉัยและการรักษาโรค (รูปเข็มเจาะเลือด, ลวดนำ และบัลลูนขยายหลอดเลือด) เข้าสู่ร่างกายโดยไม่ต้องทำการผ่าตัด เป็นสมาคมที่เริ่มก่อตั้งขึ้นในรูปของชมรมเป็นครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2536 ( ค.ศ. 1933)
ข้อ 7.  สำนักงานของสมาคมฯตั้งอยู่ ณ อาคารเฉลิมพระบารมี 50 ปี เลขที่ 2 ซ.ศูนย์วิจัย 1 ถ.เพชรบุรีตัดใหม่ แขวงบางกะปิ เขตห้วยขวาง กรุงเทพ 10310

หมวด 3
วัตถุประสงค์

ข้อ 8.  สมาคมมีวัตถุประสงค์ ดังต่อไปนี้
(1) เป็นศูนย์กลางส่งเสริมความรู้ทางรังสีวิทยาหลอดเลือดและรังสีร่วมรักษาให้ก้าวหน้าทั้งด้านความรู้พื้นฐาน ทักษะ และงานวิจัย
(2) จัดการฝึกอบรมหรือสนับสนุนให้สมาชิกได้รับการฝึกอบรม เพื่อแลกเปลี่ยนความรู้ทางวิชาการโดยร่วมมือประสานงานกับองค์กรของรัฐหรือเอกชนทั้งในประเทศและต่างประเทศ
(3) ส่งเสริมสามัคคีธรรมระหว่างสมาชิก
(4) ช่วยเหลือ แนะนำ เผยแพร่ ความรู้ที่เกี่ยวกับวิชาการนี้แก่ประชาชนและองค์กรต่างๆ ตามความเหมาะสม
(5) สมาคมนี้ไม่เกี่ยวกับการเมือง ไม่มุ่งหาประโยชน์ในรูปแบบของการค้า

หมวด 4
ประเภท คุณสมบัติ การสมัครเข้าเป็นสมาชิก และค่าบำรุง

ข้อ 9.  สมาชิกของสมาคมมี 4 ประเภทคือ :
(1) สมาชิกสามัญ : ได้แก่แพทย์ พยาบาล นักวิทยาศาสตร์ และนักรังสีเทคนิค ซึ่งได้ทำงานในด้านรังสีวิทยาหลอดเลือดและรังสีร่วมรักษาติดต่อกันมาแล้วไม่น้อยกว่า 3 ปี หรือเป็นผู้มีบัตรแสดงคุณวุฒิในสาขาวิชาที่สมาคมนี้รับรอง
(2) สมาชิกวิสามัญ : ได้แก่ แพทย์ พยาบาล นักวิทยาศาสตร์ และนักรังสีเทคนิค ผู้ซึ่งปฏิบัติงานด้านรังสีวิทยาสาขาอื่น และได้ทำงานติดต่อกันมาแล้วไม่น้อยกว่า 3 ปี หรือเป็นผู้มีบัตรแสดงคุณวุฒิในสาขาวิชาที่สมาคมนี้รับรอง
(3) สมาชิกกิตติมศักดิ์ : ได้แก่ผู้ทรงคุณวุฒิ ซึ่งคณะกรรมการอำนวยการได้มีมติเป็นเอกฉันท์ให้เชิญเป็นสมาชิก เพื่อเป็นเกียรติแก่สมาคม
(4) สมาชิกสมทบ : ได้แก่ บุคคลนอกเหนือจาก (1) –(3) ที่สนใจและให้การสนับสนุนงานทางรังสีวิทยาหลอดเลือดและรังสีร่วมรักษา ซึ่งต้องได้รับการรับรองโดยคณะกรรมการอำนวยการของสมาคม
ข้อ 10.  ค่าทะเบียน และค่าบำรุงสมาคม :
(1) สมาชิกสามัญและสมาชิกวิสามัญจะต้องเสียค่าลงทะเบียนครั้งแรก 100.00 บาท
(หนึ่งร้อยบาทถ้วน)
(2) สมาชิกประเภทรายปีจะต้องเสียค่าบำรุงปีละ 400.00 บาท (สี่ร้อยบาทถ้วน)
(3) สมาชิกประเภทตลอดชีพจะต้องเสียค่าบำรุง 2,000.00 บาท (สองพันบาทถ้วน)
(4) สมาชิกกิตติมศักดิ์  ไม่ต้องเสียค่าลงทะเบียนหรือค่าบำรุงสมาคม
(5) สมาชิกสมทบ จะต้องเสียค่าบำรุงปีละ 200.00 บาท (สองร้อยบาทถ้วน)
และค่าลงทะเบียนครั้งแรก 100.00 บาท (หนึ่งร้อยบาท)
ข้อ 11.  การสมัครเข้าเป็นสมาชิกของสมาคม :
(1) ผู้สมัครจะต้องยื่นใบสมัครตามแบบของสมาคมต่อเลขาธิการโดยมีสมาชิกสามัญรับรองอย่างน้อย 1 คน
(2) ให้เลขาธิการแจ้งให้คณะกรรมการอำนวยการทราบ เมื่อคณะกรรมการอำนวยการลงมติรับเป็นสมาชิกแล้วให้เลขาธิการทำหนังสือแจ้งให้ทราบโดยเร็ว
ข้อ 12.  เมื่อผู้สมัครได้รับหนังสือแจ้งจากเลขาธิการสมาคมแล้วให้ชำระค่าลงทะเบียนและค่าบำรุงสมาคมภายใน 30 วัน นับตั้งแต่วันที่ได้รับแจ้ง สมาคมจะถือว่าผู้สมัครใหม่เป็นสมาชิกเรียบร้อยแล้วเมื่อ :
(1) ชำระค่าลงทะเบียนและค่าบำรุงตามระเบียบของสมาคมเรียบร้อยแล้ว
(2) ผ่านการรับรองของที่ประชุมใหญ่สามัญประจำปี
ข้อ 13.  สมาชิกภาพของสมาชิกกิตติมศักดิ์ให้เริ่มนับตั้งแต่วันที่หนังสือตอบรับคำเชิญของผู้ที่คณะกรรมการได้พิจารณาลงมติให้เชิญเข้าเป็นสมาชิกของสมาคม ได้มาถึงยังสมาคม

หมวด 5
สิทธิ หน้าที่ของสมาชิกและการขาดจากสมาชิกภาพ

ข้อ 14.  สิทธิและหน้าที่ของสมาชิก
(1) สมาชิกสามัญมีสิทธิที่จะเสนอความคิดเห็น และลงคะแนนเสียงเกี่ยวกับกิจการของสมาคม ต่อคณะกรรมการอำนวยการ หรือต่อที่ประชุมใหญ่ได้คนละ 1 เสียง
(2) สมาชิกสามัญมีสิทธิที่จะสมัครรับเลือกตั้งเป็นกรรมการอำนวยการของสมาคมได้ตามระเบียบปฏิบัติของสมาคมที่กำหนดไว้
(3) สมาชิกสามัญมีสิทธิร้องขอต่อคณะกรรมการเพื่อตรวจสอบเอกสาร และบัญชีทรัพย์สินของสมาคมได้
(4) สมาชิกสามัญมีสิทธิเข้าชื่อร่วมกัน จำนวนไม่น้อยกว่า 50 คน ทำหนังสือร้องขอต่อคณะกรรมการให้จัดประชุมใหญ่วิสามัญได้
(5) สมาชิกสามัญมีสิทธิขอรับทุนสนับสนุนการฝึกอบรมภายในประเทศและต่างประเทศจากสมาคม ทั้งนี้ ภายใต้หลักเกณฑ์การขอรับทุนการฝึกอบรมและการพิจารณาให้ทุนฝึกอบรม
ภายในประเทศและต่างประเทศ ของสมาคมรังสีวิทยาหลอดเลือดและรังสีร่วมรักษาไทย
(6) สมาชิกทุกคนมีสิทธิเข้าร่วมประชุมในที่ประชุมใหญ่ได้ทั้งสามัญและวิสามัญ
(7) สมาชิกทุกคนมีสิทธิได้รับแจ้งข่าวสารเกี่ยวกับการประชุมต่าง ๆ ของสมาคม หรือการประชุมทางวิชาการของสมาคมอื่นที่คณะกรรมการพิจารณาเห็นว่าเป็นประโยชน์ต่อสมาชิกของสมาคม วารสารของสมาคม (ถ้ามี)  การเปลี่ยนแปลงในระเบียบการต่าง ๆ ของสมาคม เป็นระยะๆ ตามความเหมาะสม
(8) สมาชิกทุกคนมีหน้าที่จะต้องปฏิบัติตามระเบียบข้อบังคับของสมาคม
(9) สมาชิกผู้ใดเปลี่ยนชื่อ นามสกุล จะต้องแจ้งให้นายทะเบียนทราบเป็นลายลักษณ์อักษร
(10) สมาชิกทุกคนมีหน้าที่จะต้องประพฤติตนให้สมกับเกียรติที่เป็นสมาชิกของสมาคม
(11) สมาชิกทุกคนมีหน้าที่ให้ความร่วมมือและสนับสนุนการดำเนินกิจการต่าง ๆ ของสมาคม
(12) สมาชิกทุกคนมีหน้าที่ร่วมกิจกรรมที่สมาคมได้จัดให้มีขึ้น
(13) สมาชิกทุกคนมีหน้าที่ช่วยเผยแพร่ชื่อเสียงของสมาคมให้เห็นที่รู้จักอย่างแพร่หลาย
ข้อ 15.  สมาชิกภาพของสมาชิกให้สิ้นสุดลงด้วยเหตุดังต่อไปนี้
(1) ตาย
(2) ลาออก โดยยื่นหนังสือเป็นลายลักษณ์อักษรต่อคณะกรรมการ โดยการลาออกจะมีผลเมื่อสมาชิกผู้นั้นได้ชำระหนี้สินที่ยังติดค้างอยู่กับสมาคมและได้รับการพิจารณาอนุมัติจากคณะกรรมการเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
(3) ที่ประชุมใหญ่ของสมาชิกหรือคณะกรรมการได้ลงมติให้ลบชื่อออกจากทะเบียนเพราะ สมาชิกผู้นั้นได้ประพฤตินำความเสียหายมาสู่สมาคม
(4) ขาดการชำระค่าลงทะเบียนหรือค่าบำรุงสมาคม เกินระยะเวลาหกเดือนนับแต่วันที่ได้รับหนังสือแจ้งเตือนจากเหรัญญิกสมาคม

หมวด 6
คณะกรรมการอำนวยการ

ข้อ 16.  ให้มีคณะกรรมการคณะหนึ่งเรียกว่า “คณะกรรมการอำนวยการ” ทำหน้าที่บริหารกิจการของสมาคม จำนวนอย่างน้อย 10 คน อย่างมากไม่เกิน 25 คน โดยสมาคมมีตำแหน่งหน้าที่โดยสังเขปดังต่อไปนี้
(1) นายกสมาคม ทำหน้าที่เป็นหัวหน้าในการบริหารกิจการของสมาคม เป็นผู้แทนสมาคมในการติดต่อกับบุคคลภายนอก และทำหน้าที่เป็นประธานในที่ประชุมคณะกรรมการ และการประชุมใหญ่ของสมาคม
(2) อุปนายกคนที่ 1 ทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยนายกสมาคมในการบริหารกิจการสมาคม ปฏิบัติตามหน้าที่ที่นายกสมาคมมอบหมายและทำหน้าที่แทนนายกสมาคม เมื่อนายกสมาคมไม่อยู่ หรือไม่สามารถจะปฏิบัติหน้าที่ได้ แต่การทำหน้าที่แทนนายกสมาคม ให้อุปนายกตามลำดับ ตำแหน่งเป็นผู้กระทำการแทน
(3) อุปนายกคนที่ 2 ทำหน้าที่แทนอุปนายกคนที่ 1 เมื่ออุปนายกคนที่ 1 ไม่อยู่ ฯลฯ
(4) เลขาธิการ ทำหน้าที่เกี่ยวกับงานธุรการของสมาคมทั้งหมดเป็นหัวหน้า เจ้าหน้าที่ของสมาคมในการปฏิบัติกิจการของสมาคม และปฏิบัติตามคำสั่งของนายกสมาคม ตลอดจนทำหน้าที่เป็นเลขานุการในการประชุมต่างๆ ของสมาคม
(5) ประธานวิชาการ ทำหน้าที่เกี่ยวกับการบรรยาย การสอนแสดง การฝึกอบรมทางวิชาการเกี่ยวกับรังสีวิทยาหลอดเลือดและรังสีร่วมรักษาในสาขาวิชาที่คณะกรรมการบริหารสมาคมให้ความเห็นชอบ เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ของสมาคม
(6) ประธานฝ่ายสารสนเทศ ทำหน้าที่รวบรวมจัดทำบันทึกข้อมูลทางการศึกษาที่เกี่ยวข้องกับวิชาการนี้โดยร่วมมือกับฝ่ายวิชาการและเลขาธิการสมาคม เพื่อจัดทำสื่อการเรียนการสอนสำหรับเผยแพร่ ฯลฯ เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ของสมาคม
(7) เหรัญญิก มีหน้าที่ดูและรับผิดชอบเกี่ยวกับการเงินทั้งหมดของสมาคม เป็นผู้จัดทำบัญชีรายรับรายจ่าย บัญชีงบดุลของสมาคม และเก็บเอกสารหลักฐานต่างๆของสมาคมไว้เพื่อตรวจสอบ
(8) ปฏิคม มีหน้าที่ในการให้การต้อนรับแขกของสมาคม เป็นหัวหน้าในการจัดเตรียมสถานที่ของสมาคม และจดเตรียมสถานที่ประชุมต่างๆของสมาคม
(9) นายทะเบียน มีหน้าที่เกี่ยวกับทะเบียนสมาชิกทั้งหมดของสมาคมประสานงานกับเหรัญญิกในการเรียกเก็บเงินค่าบำรุงสมาคมจากสมาชิก
(10) ประชาสัมพันธ์ มีหน้าที่เผยแพร่กิจการและชื่อเสียงเกียรติคุณของสมาคมให้สมาชิกและบุคคลทั่วไปให้เป็นที่รู้จักแพร่หลาย
(11) การศึกษาแพทย์ต่อเนื่อง ทำหน้าที่รวบรวมข้อมูลสถิติเกี่ยวกับหน่วยกิตในการศึกษาต่อเนื่องของแพทย์ที่เป็นสมาชิก เก็บบันทึก และนำเสนอประสานงานต่อศูนย์การศึกษาต่อเนื่องของแพทย์สภา โดยประสานงานกับฝ่ายเลขาธิการและฝ่ายวิชาการของสมาคม
(12) กรรมการกลาง ทำหน้าที่ช่วยเหลือคณะกรรมการสมาคม ในด้านต่างๆ ตามที่ได้รับมอบหมาย คณะกรรมการชุดแรก ให้ผู้เริ่มจัดตั้งสมาคมเป็นผู้เลือกตั้ง ประกอบด้วยนายกสมาคม
และกรรมการอื่นๆ ตามจำนวนที่เห็นสมควรตามข้อบังคับของสมาคม

หมวด 7
หน้าที่และอำนาจของคณะกรรมการอำนวยการ

ข้อ 17.  หน้าที่ของคณะกรรมการอำนวยการ มีดังนี้
(1) มีหน้าที่รับผิดชอบในกิจการทั้งหมด รวมทั้งการเงิน และทรัพย์สินทั้งหมดของสมาคม
(2) มีหน้าที่ให้มีการประชุมใหญ่วิสามัญ ตามที่สมาชิกสามัญจำนวน ไม่น้อยกว่า 50 คน ได้เข้าชื่อร้องขอให้จัดประชุมใหญ่วิสามัญขึ้น ซึ่งการนี้จะต้องจัดให้มีการประชุมใหญ่วิสามัญขึ้นภายใน 30 วัน นับแต่วันที่ได้รับหนังสือร้องขอ
(3) มีหน้าที่จัดทำเอกสารหลักฐานต่างๆทั้งที่เกี่ยวกับการเงิน ทรัพย์สินและการดำเนินกิจกรรมต่างๆ ของสมาคมให้ถูกต้องตามหลักวิชาการ และสามารถจะให้สมาชิกตรวจดูได้เมื่อสมาชิกร้องขอ
(4) จัดทำบันทึกการประชุมต่างๆ ของสมาคม เพื่อเก็บไว้เป็นหลักฐานและจัดส่งให้สมาชิกได้รับทราบ
(5) มีหน้าที่อื่นๆ ตามที่ข้อบังคับกำหนดไว้
ข้อ 18.  อำนาจของคณะกรรมการอำนวยการ มีดังนี้
(1) ออกระเบียบปฏิบัติต่างๆ เพื่อให้สมาชิกได้ปฏิบัติ โดยระเบียบปฏิบัตินั้นจะต้องไม่ขัดต่อข้อบังคับฉบับนี้
(2) แต่งตั้งและถอดถอนเจ้าหน้าที่ของสมาคม
(3) แต่งตั้งคณะกรรมการที่ปรึกษา หรืออนุกรรมการได้ แต่กรรมการที่ปรึกษาหรืออนุกรรมการจะสามารถอยู่ในตำแหน่งได้ไม่เกินวาระของคณะกรรมการที่แต่งตั้ง
(4) เรียกประชุมใหญ่สามัญประจำปี และประชุมใหญ่วิสามัญ
(5) แต่งตั้งกรรมการในตำแหน่งอื่นๆ ที่ยังไม่ได้กำหนดไว้ในข้อบังคับนี้
(6) บริหารกิจการของสมาคม เพื่อให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ ตลอดจนมีอำนาจอื่นๆ ตามที่ข้อบังคับได้กำหนดไว้

หมวด 8
การเลือกตั้งนายกสมาคมและการแต่งตั้งคณะกรรมการบริหาร

ข้อ 19.  ให้มีการเลือกตั้งนายกสมาคม ทุก 2 ปี  ในการเลือกตั้งของที่ประชุมใหญ่ของสมาคม 
ข้อ 20.  ให้ที่ประชุมใหญ่เลือกสมาชิกสามัญซึ่งไม่ได้เป็นกรรมการในคณะกรรมการที่กำลังจะหมดวาระลง จำนวน 5 คน เพื่อทำหน้าที่เป็นคณะกรรมการการเลือกตั้งนายกสมาคม โดยคณะกรรม
การการเลือกตั้งชุดดังกล่าว มีอำนาจหน้าที่ในการควบคุมดูแลการเลือกตั้งนายกสมาคมให้มีความสงบเรียบร้อย โปร่งใส และยุติธรรม และคณะกรรมการการเลือกตั้งจะหมดวาระเมื่อการเลือกตั้งนายกสมาคม
ได้สิ้นสุดลง
ข้อ 21.  ให้สมาชิกสามัญเสนอชื่อผู้ที่เหมาะสมจะเป็นนายกสมาคมต่อที่ประชุมใหญ่
โดยผู้ที่ได้รับการเสนอชื่อต้องมีคุณสมบัติดังต่อไปนี้
(1) เป็นสมาชิกสามัญของสมาคม
(2) มีสมาชิกสามัญที่อยู่ในที่ประชุมให้การรับรองไม่น้อยกว่า 10 เสียง
(3) ไม่เคยถูกสั่งพักใช้ใบอนุญาตหรือเพิกถอนใบอนุญาตประกอบวิชาชีพมาก่อน
(4) ต้องอยู่ในที่ประชุม ณ เวลาที่มีการเสนอชื่อและยอมรับการเสนอชื่อเพื่อลงเลือกตั้ง
ข้อ  22.  เมื่อมีการเสนอชื่อผู้ที่จะลงเลือกตั้งเป็นนายกสมาคม ให้คณะกรรมการ
การเลือกตั้งตรวจสอบคุณสมบัติของผู้ที่ได้รับการเสนอชื่อให้ถูกต้องตามที่กำหนดไว้ในข้อ 16 และประกาศรายชื่อผู้ที่ผ่านการตรวจสอบคุณสมบัติเพื่อให้สมาชิกลงคะแนนเลือกตั้งต่อประชุมใหญ่ 
ข้อ 23.  การลงคะแนนเสียงเลือกตั้งนายกสมาคมให้กระทำโดยวิธีลงคะแนนลับภายในสถานที่ที่จัดไว้บริเวณเดียวกับการจัดประชุมใหญ่ โดยผู้ที่มีสิทธิในการลงคะแนนเลือกตั้งนายกสมาคม
ต้องเป็นสมาชิกสามัญและต้องอยู่ในที่ประชุม ณ ขณะที่มีการจัดการเลือกตั้งเท่านั้น
ข้อ 24.  เมื่อสมาชิกที่อยู่ในที่ประชุมได้ส่งใบเลือกตั้งทั้งหมดแล้ว ให้กรรมการการเลือกตั้ง ดำเนินการนับคะแนนทั้งหมดในที่ประชุมใหญ่ทันที และประกาศผลการเลือกตั้งให้เสร็จสิ้นในที่ประชุม
หากผู้รับเลือกตั้งเป็นนายกสมาคม ได้คะแนนเท่ากัน ให้ทำการเลือกตั้งใหม่โดยวิธีเดิมจนกว่าจะได้ผู้ที่ได้คะแนนเสียงมากกว่า  ผู้ที่ได้คะแนนสูงสุดตามประกาศผลการเลือกตั้ง เป็นผู้ได้รับเลือกตั้งเป็นนายกสมาคม
ข้อ 25.  การเลือกตั้งนายกและการตั้งกรรมการแทนตำแหน่งที่ว่างลง
(1) ถ้าตำแหน่งนายกสมาคมว่างลงก่อนหมดวาระ ให้คณะกรรมการทั้งคณะหมดวาระลงด้วยและทำการเลือกตั้งใหม่ ตามหมวด 8  โดยนายกสมาคมที่ได้รับเลือกตั้งใหม่มีวาระ 2 ปี
(2) ในกรณีที่กรรมการพ้นจากตำแหน่งก่อนวาระ นายกสมาคมอาจแต่งตั้งสมาชิกสามัญผู้อื่นเป็นกรรมการแทนได้ และให้ผู้ที่ได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งแทนอยู่ในตำแหน่งเท่ากับวาระที่เหลืออยู่ของผู้ซึ่งตนแทน
(3) หากคณะกรรมการมีวาระการดำเรงตำแหน่งไม่ถึงเก้าสิบวัน ให้อยู่ในดุลยพินิจของที่ประชุมคณะกรรมการบริหารที่จะพิจารณาตั้งกรรมการแทนตำแหน่งที่ว่างหรือไม่ก็ได้
ข้อ 26.  นอกจากการพ้นจากตำแหน่งตามวาระ กรรมการสมาคมพ้นจากตำแหน่งเมื่อ
(1) ตาย
(2) ลาออก
(3) เป็นบุคคลล้มละลาย
(4) เป็นคนไร้ความสามารถหรือคนเสมือนไร้ความสามารถ
(5) ได้รับโทษจำคุกโดยคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก เว้นแต่เป็นความผิดลหุโทษหรือความผิดอันได้กระทำโดยประมาท
(6) ขาดจากสมาชิกภาพ
(7) ที่ประชุมใหญ่ลงมติให้ออกจากตำแหน่งด้วยคะแนนเสียงไม่น้อยกว่า1 ใน 3 หรือสมาชิกไม่น้อยกว่า 100 คนของสมาชิกทั้งหมด
ข้อ 27.  กรรมการที่ประสงค์จะลาออกจากตำแหน่งกรรมการ ให้ยื่นใบลาออกเป็นลายลักษณ์อักษรต่อคณะกรรมการ และให้พ้นจากตำแหน่งเมื่อคณะกรรมการมีมติให้ออก
ข้อ 28.  คณะกรรมการจะต้องประชุมกันอย่างน้อย 4 เดือนต่อครั้ง เพื่อปรึกษาหารือเกี่ยวกับการบริหารกิจการของสมาคม โดยให้จัดขึ้นภายในสัปดาห์สุดท้ายของเดือนที่กำหนด โดยเลขาธิการจะแจ้งให้ทราบล่วงหน้าถึง วัน-เวลา ที่จะประชุม ส่วนการประชุมย่อยทางวิชาการสำหรับสมาชิกจะจัดเป็นประจำทุกเดือนตามความเหมาะสม โดยประธานวิชาการและเลขาธิการของสมาคมจะเป็นผู้กำหนดวัน-เวลา และสถานที่ที่จะประชุมและแจ้งให้สมาชิกทราบล่วงหน้าก่อนอย่างน้อย 1 สัปดาห์
ข้อ 29.  การประชุมคณะกรรมการ จะต้องมีกรรมการเข้าร่วมประชุมไม่น้อยกว่าครึ่งหนึ่งของกรมการทั้งหมด จึงจะถือว่าครบองค์ประชุม มติของที่ประชุมคณะกรรมการ ถ้าข้อบังคับมิได้กำหนดไว้เป็นอย่างอื่น ก็ให้ถือคะแนนเสียงข้างมากเป็นเกณฑ์ แต่ถ้าคะแนนเสียงเท่ากันก็ให้ประธานในการประชุมเป็นผู้ชี้ขาด
ข้อ 30.  การประชุมคณะกรรมการ ถ้านายกสมาคมและอุปนายกสมาคมไม่อยู่ในที่ประชุม หรือไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ ก็ให้กรรมการที่เข้าประชุมในคราวนั้นเลือกกรรมการคนใดคนหนึ่งทำหน้าที่เป็นประธานในการประชุมครั้งนั้น

หมวด 9
การประชุมใหญ่

ข้อ 31.  การประชุมใหญ่ของสมาคม มี 2 ชนิดคือ
(1) การประชุมใหญ่สามัญ
(2) การประชุมใหญ่วิสามัญ
คณะกรรมการจะต้องจัดให้มีการประชุมใหญ่สามัญประจำปี ๆ ละ 1 ครั้ง ภายในเดือนตุลาคม (หรือเดือนอื่นที่คณะกรรมการพิจารณาตามความจำเป็นและเหมาะสมในแต่ละปี ) ของทุกปี
ข้อ 32.  การประชุมใหญ่วิสามัญ อาจกระทำได้ดังต่อไปนี้
(1) คณะกรรมการอำนวยการเห็นสมควรให้เรียกประชุม
(2) สมาชิกสามัญ ไม่น้อยกว่า 1 ใน 3 ของสมาชิกสามัญทั้งหมด หรือสมาชิกไม่น้อยกว่า 50 คนทำหนังสือถึงเลขาธิการขอร้องให้จัดมีขึ้น
ข้อ 33.  การแจ้งกำหนดนัดประชุมใหญ่ให้เลขาธิการเป็นผู้แจ้งกำหนดนัดประชุมใหญ่ให้สมาชิกได้ทราบและการแจ้งจะต้องแจ้งเป็นลายลักษณ์อักษร โดยระบุ วัน เวลา และสถานที่ให้ชัดเจน โดยจะต้องแจ้งให้สมาชิกได้ทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 7 วัน ก่อนถึงกำหนดการประชุมใหญ่
ข้อ 34.  การประชุมใหญ่สามัญประจำปี จะต้องมีวาระการประชุมอย่างน้อยดังต่อไปนี้
(1) แถลงกิจการที่ผ่านมาในรอบปี
(2) แถลงบัญชี รายรับรายจ่าย และบัญชีงบดุลของปีที่ผ่านมาให้สมาชิกรับทราบ
(3) เลือกตั้งคณะกรรมการชุดใหม่ เมื่อครบกำหนดวาระ
(4) เลือกตั้งผู้สอบบัญชี
(5) เรื่องอื่นๆ ถ้ามี
ข้อ 35.  ในการประชุมใหญ่สามัญประจำปี หรือการประชุมใหญ่วิสามัญจะต้องมีสมาชิกสามัญ เข้าร่วมประชุมไม่น้อยกว่า 50 คน จึงจะถือว่าครบองค์ประชุม แต่ถ้าเมื่อถึงกำหนดเวลาประชุมยังมีสมาชิกสามัญเข้าร่วมประชุมไม่ครบองค์ประชุม ให้คณะกรรมการของสมาคมเรียกประชุมใหญ่อีกครั้งหนึ่ง ภายใน 14 วันนับแต่วันที่นัดประชุมครั้งแรก สำหรับในการประชุมในครั้งหลังนี้ ถ้ามีสมาชิกสามัญเข้าร่วมประชุมเป็นจำนวนเท่าใดก็ให้ถือว่าครบองค์ประชุม ยกเว้นถ้าเป็นการประชุมใหญ่วิสามัญที่เกิดขึ้นจากการร้องขอของสมาชิกก็ไม่ต้องจัดประชุมใหญ่ ให้ถือว่าการประชุมเป็นอันยกเลิก
ข้อ 36.  การลงมติต่างๆ ในที่ประชุมใหญ่ ถ้าข้อบังคับมิได้กำหนดไว้เป็นอย่างอื่น ก็ให้ถือคะแนนเสียงข้างมากเป็นเกณฑ์ แต่ถ้าคะแนนเสียงที่ลงมติมีคะแนนเสียงเท่ากัน ก็ให้ประธานในการประชุมเป็นผู้ชี้ขาด และให้เลขาธิการเป็นผู้จดบันทึกรายงานการประชุม และให้ประธานของที่ประชุมลงนามรับรองเพื่อรักษาไว้เป็นหลักฐาน
ข้อ 37.  ในการประชุมใหญ่ของสมาคม ถ้านายกสมาคมและอุปนายกสมาคมไม่อยู่ในที่ประชุม หรือไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ ก็ให้ทีประชุมใหญ่ทำการเลือกทำการเลือกตั้งกรรมการที่มาร่วมประชุมคนใดคนหนึ่งทำหน้าที่เป็นประธานในการประชุมคราวนั้น

หมวด 10
การเงินและทรัพย์สิน

ข้อ 38. การเงินและทรัพย์สินทั้งหมดให้เหรัญญิกเป็นผู้เก็บและให้อยู่ในความรับผิดชอบของคณะกรรมการ
ข้อ 39. การลงนามในตั๋วเงินหรือเช็คของสมาคม จะต้องมีลายมือชื่อของนายกสมาคม หรือผู้ทำการแทนลงนามร่วมกับเหรัญญิก หรือเลขาธิการ
ข้อ 40.  ให้นายกสมาคมมีอำนาจสั่งจ่ายเงินของสมาคมได้ครั้งละไม่เกิน 50,000.00 บาท (ห้าหมื่นบาทถ้วน) ถ้าเกินกว่านั้นจะต้องได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการ
ข้อ 41. ให้เหรัญญิก มีอำนาจเก็บรักษาเงินสดของสมาคมได้ไม่เกิน 20,000.00 บาท
(สองหมื่นบาทถ้วน) ถ้าเกินกว่าจำนวนนี้ จะต้องนำฝากบัญชีของสมาคมทันทีที่โอกาสอำนวยให้
ข้อ 42. เหรัญญิก จะต้องทำบัญชีรายรับ รายจ่าย และบัญชีงบดุล ให้ถูกต้องตามหลักวิชาการ การรับหรือจ่ายเงินทุกครั้ง จะต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือ ลงลายมือชื่อของนายกสมาคมหรือผู้ทำการแทนร่วมกับเหรัญญิกหรือผู้ทำการแทน
ข้อ 43. ผู้สอบบัญชีจะต้องมิใช่กรรมการหรือเจ้าหน้าที่ของสมาคม และจะต้องเป็นผู้สอบบัญชีที่ได้รับอนุญาต
ข้อ 44. ผู้สอบบัญชี มีอำนาจหน้าที่ที่จะเรียกเอกสารที่เกี่ยวกับการเงินและทรัพย์สินจากคณะกรรมการและสามารถจะเชิญกรรมการหรือเจ้าหน้าที่ของสมาคมเพื่อสอบถามเกี่ยวกับบัญชีและทรัพย์สินของสมาคมได้
ข้อ 45. คณะกรรมการจะต้องให้ความร่วมมือกับผู้สอบบัญชี เมื่อได้รับการร้องขอ

หมวด 11
การเปลี่ยนแปลงแก้ไขข้อบังคับและการเลิกสมาคม

ข้อ 46. ข้อบังคับของสมาคมจะเปลี่ยนแปลงแก้ไขได้โดยมติของที่ประชุมใหญ่เท่านั้น และองค์ประชุมใหญ่จะต้องมีสมาชิกสามัญเข้าร่วมประชุมไม่น้อยกว่า 50 คน มติของที่ประชุมใหญ่ในการให้เปลี่ยนแปลงแก้ไขข้อบังคับ จะต้องมีคะแนนเสียงไม่น้อยกว่า 2 ใน 3 ของสมาชิกสามัญที่เข้าร่วมประชุมทั้งหมด
ข้อ 47. การเลิกสมาคมจะเลิกได้ก็โดยมติของที่ประชุมใหญ่ของสมาคม ยกเว้นเป็นการเลิกเพราะเหตุของกฎหมาย โดยองค์ประชุมใหญ่จะต้องประกอบด้วยสมาชิกสามัญ ไม่น้อยกว่าครึ่งหนึ่งของสมาชิกสามัญทั้งหมด และมติของที่ประชุมใหญ่ที่ให้เลิกสมาคมจะต้องมีคะแนนเสียงไม่น้อยกว่า 3 ใน 4 ของสมาชิกสามัญที่เข้าร่วมประชุมทั้งหมด
ข้อ 48. เมื่อสมาคมต้องเลิกไม่ว่าด้วยเหตุใดๆก็ตาม ทรัพย์สินของสมาคมที่เหลืออยู่หลังจากที่ได้ชำระบัญชีเป็นที่เรียบร้อยแล้วให้ตกเป็นของนิติบุคคล ซึ่งมีวัตถุประสงค์อย่างเดียวกัน หรือการกุศลสาธารณะประโยชน์อย่างอื่นตามแต่ที่ประชุมใหญ่จะเห็นควร

หมวด 12
บทเฉพาะกาล

ข้อ 49. ข้อบังคับฉบับนี้นั้น ให้เริ่มใช้บังคับได้นับตั้งแต่วันที่สมาคมได้รับอนุญาตให้จดทะเบียนเปลี่ยนแปลงข้อบังคับเป็นต้นไป


รศ.นพ.สุทธิพงษ์  จงจิระศิริ
นายกสมาคมรังสีวิทยาหลอดเลือดและรังสีร่วมรักษาไทย