สารจากนายกสมาคมรังสีวิทยาหลอดเลือดและรังสีร่วมรักษาไทย
สืบเนื่องจากสถานการณ์โรคระบาดเชื้อโควิด-19 ในขณะนี้กระจายไปทุกภาคของประเทศไทย เป็นที่ทราบกันดีว่าภาวะโรคระบาดนี้จะทำให้สถานะการณ์เลวร้ายลงอย่างมากถ้าจำนวนผู้ป่วยป่วยหนักมีจำนวนล้นเกินศักยภาพของระบบสาธารณสุขที่จะรองรับได้ ประเทศชาติจำเป็นต้องรักษาความมั่นคงของระบบสุขภาพไว้เพื่อต่อสู้กับวิกฤติโรคระบาดนี้ให้ผ่านพ้นไปให้ได้ ดังนั้นทางสมาคมรังสีวิทยาหลอดเลือดและรังสีร่วมรักษาไทย ในฐานะที่มีส่วนร่วมในการดูแลผู้ป่วยโดยเฉพาะผู้ป่วยมะเร็ง ผู้ป่วยโรคไตและผู้ป่วยโรคหลอดเลือด ซึ่งเป็นกลุ่มเสี่ยงต่อการเสียชีวิตจากการติดเชื้อโควิด-19 จึงได้วางเป้าประสงค์ และแนวทางการดำเนินการบริบาลผู้ป่วยในช่วงโรคระบาดดังนี้
เป้าประสงค์
สำหรับแนวทางการบริหารผู้ป่วยและแนวทางการปฏิบัติในการทำหัตถการและการบริบาลผู้ป่วยนั้นให้ปฏิบัติตามรายละเอียดแนบท้าย
นพ. อรรควัชร์ จันทร์ฉาย
นายกสมาคมรังสีวิทยาหลอดเลือดและรังสีร่วมรักษาไทย
22 มีนาคม 2563
รายละเอียดแนบท้าย
กลุ่มผู้ป่วย |
การปฏิบัติในระยะที่ 2 ช่วงท้ายสุด |
การปฏิบัติในระยะที่ 3 |
ผู้ป่วยฉุกเฉิน |
ให้ทำการรักษาตามศักยภาพอย่างเหมาะสม |
ให้ทำการรักษาตามศักยภาพอย่างเหมาะสม |
ผู้ป่วยเร่งด่วน |
ให้ทำการรักษาตามศักยภาพอย่างเหมาะสม |
ให้ทำการรักษาเฉพาะกรณีฉุกเฉินเท่านั้น (อ้างอิงตามประกาศกรมการแพทย์) |
ผู้ป่วยมะเร็งไม่เร่งด่วน |
ผู้ป่วยมะเร็งที่นัดไว้แล้ว ให้ทำการรักษาตามนัดเดิมและคำนึงถึงความปลอดภัยและโอกาสที่ผู้ป่วยจะติดเชื้อจากสถานพยาบาล ในกรณีที่โรงพยาบาลที่ปฏิบัติงานอยู่ มีความขาดแคลนหรือใกล้ที่จะขาดแคลนทรัพยากรทางการแพทย์ เช่น เลือดหรือส่วนประกอบเลือด หรือ เวชภัณฑ์ ให้พิจารณาการรักษาด้วยวิธีทางเลือกอื่นเพื่อรักษาความมั่นคงของระบบสุขภาพโดยรวม |
ให้ทำการรักษาเฉพาะกรณีฉุกเฉินเท่านั้น (อ้างอิงตามประกาศกรมการแพทย์) |
ผู้ป่วยที่ไม่ใช่มะเร็งไม่เร่งด่วน |
ให้เลื่อนการรักษาออกไปก่อน หรือพิจารณาการรักษาทางเลือกอื่น ทั้งนี้ให้คำนึงถึงภาวะของผู้ป่วย และภาพรวมของระบบ |
ให้ทำการรักษาเฉพาะกรณีฉุกเฉินเท่านั้น (อ้างอิงตามประกาศกรมการแพทย์) |
ผู้ป่วยใหม่ |
แจ้งผู้ป่วยทราบถึงสถานการณ์และข้อจำกัดของระบบสาธารณสุขและนัดทำการรักษานัดทำการรักษาตามตารางที่จะไม่มีผลกระทบต่อการปฏิบัติงานในภาวะที่เตรียมพร้อมที่จะเข้าระยะที่ 3 ตามความเหมาะสมและวิจารณญาณของแพทย์ ให้พิจารณาการรักษาทางเลือกอื่นหรือส่งต่อการรักษา หากระยะเวลาการรอคอยนานและมีผลกระทบต่อภาวะโรคของผู้ป่วย |
ให้ทำการรักษาเฉพาะกรณีฉุกเฉินเท่านั้น (อ้างอิงตามประกาศกรมการแพทย์) |
พยายามจัดกลุ่มผู้ป่วยไม่ให้ปะปนกัน เพื่อป้องกันการติดเชื้อข้ามกลุ่ม และพยายามทำแยกการนัดทำการรักษาระหว่างกลุ่มผู้ป่วยใน (IPD) และ ผู้ป่วยนอก (OPD) ออกจากกันเช่น นัดทำคนละช่วงเวลาเช้าบ่าย ภายหลังจากได้ทำความสะอาดพื้นที่แล้ว สำหรับการปฏิบัติในผู้ป่วยที่มีระดับความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ COVID-19 ให้ปฏิบัติดังนี้
กลุ่มผู้ป่วยตามระดับความเสี่ยง |
การปฏิบัติในระยะที่ 2 ช่วงท้ายสุด |
การปฏิบัติในระยะที่ 3 |
ผู้ป่วยทั่วไปที่ไม่มีภาวะเสี่ยง COVID-19 |
ทำหัตถการโดยการปฏิบัติและใช้อุปกรณ์ทางการ |
ให้ปฏิบัติแบบเดียวกับผู้ป่วยติดเชื้อ COVID-19 |
ผู้ป่วยที่มีภาวะเสี่ยง COVID-19 และ มีภาวะฉุกเฉินทางการแพทย์ |
ให้ปฏิบัติแบบเดียวกับผู้ป่วยติดเชื้อ COVID-19 |
ให้ปฏิบัติแบบเดียวกับผู้ป่วยติดเชื้อ COVID-19 |
ผู้ป่วยที่มีภาวะเสี่ยง COVID-19 และ ไม่มีภาวะฉุกเฉินทางการแพทย์ |
ให้รอผลตรวจ COVID-19 ก่อน
|
ให้ปฏิบัติแบบเดียวกับผู้ป่วยติดเชื้อ COVID-19 |
สำหรับการทำหัตถการในผู้ป่วยที่ติดเชื้อ COVID-19 ให้ปฏิบัติดังนี้
อ้างอิง